Thursday, 16 September 2010

NLP

     หลังจากที่ไม่ได้เขียนมา blog มานานมากกกกกกก ผู้เขียนก็เลยขอมาอัพเดท blog กันหน่อย เนื่องด้วยวิชา innovative thinking นั้นอ.ธงชัย ได้เชิญคุณชาตรี เตชะสมบูรณากิจ มาพูดเกี่ยวกับเรื่อง NLP (Neuro - Linguistic Programming) แล้วมันคืออะไร?? มีประโยชน์ยังไง ??

clip_image002

     ก็อย่างที่เขียนไปแล้วว่า NLP มาจาก Neuro - Linguistic Programming ดังนั้นผู้เขียนขอแปลแต่ละคำเลยแล้วกัน

Neuro หมายถึง ระบบประสาทหรือระบบสมอง

Linguistic หมายถึง วิธีการที่มนุษย์ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการตอบสนองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

Programming หมายถึง กระบวนการปลูกฝังวิธีคิด วิธีใช้ภาษาและการเคลื่อนไหวทางร่างกาย เพื่อสร้างรูปแบบการคิดใหม่ ซึ่งจะทำให้การแสดงออกดียิ่งขึ้น

ดังนั้น NLP ก็คือ การที่ไปเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมอง หรือการโปรแกรมให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมในสมอง โดยการที่ผ่านสมองนั้นคนเราจะสามารถรับรู้สิ่งต่างๆผ่านทางประสาทสัมผัสต่างๆไม่ว่าจะเป็น ตา หู จมูก ลิ้น และการสัมผัส แล้วแปลงความหมายต่างๆที่ได้รับเข้ามาผ่านทางจิตสำนึกต่างๆ ทำให้เกิดการแสดงออกทางร่างกาย และ พฤติกรรมของคนเรา

แล้วมันมีประโยชน์ไงหละ??.....

อย่างเช่นถ้าเราต้องการเปลี่ยนนิสัยบางอย่างที่มันอยู่ในจิตใต้สำนึก เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะมันจะมีเส้นบางๆกั้นอยู่ระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก และการจะฝ่ามันเข้าไปได้เราอาจจะต้องใช้แรงมากเพื่อที่จะฝ่ามันเข้าไปได้ แต่อีกวิธีก็คือ NLP นั่นเอง!!!

ในกระบวนการรับรู้ของคนเรา เมื่อเรารับรู้ผ่านทางสิ่งต่างๆแล้วเราก็จะทำกับข้อมูลที่ได้รับ 3 อย่าง คือ

1. ลบทิ้ง การลบข้อมูลทิ้งอาจเป็นการที่เราไม่ใส่ใจมันก็ได้เช่น ขณะที่อ่านอยู่รู้สึกว่ามือข้างไหนออกแรงมากกว่ากัน ??

2. เปลี่ยนแปลง เราอาจจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เรารับเข้ามาเป็นอย่างอื่นที่เราต้องการ ซึ่งจะทำให้มันแตกต่างไปจากเดิม

3. ประยุกต์ใช้ เป็นการที่เราเอาสิ่งที่เคยผ่านมาแล้วมาวิเคราะห์ดู เช่น เราอาจเจอเก้าอี้หน้าตาแปลกๆ แต่เราก็รู้ว่ามันคือ เก้าอี้

   image

หลังจากที่ข้อมูลเหล่านี้เข้าสู่สมองแล้ว มันก็จะไปฉายซ้ำอีกทีซึ่งเรียกว่า ประสบการณ์ภายใน (Submodality) ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังสนใจ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่สภาวะจิตซึ่งจะมีผลทำให้เราแสดงออกมาทางร่างกาย และ พฤติกรรม

              Submodality นี้เหมือนกับหนัง ดังนั้นเราจึงสามารถทำอะไรกับมันก็ได้ เช่น ทำให้มันเป็นขาวดำ ไม่มีเสียง ขนาดเล็ก ใหญ่ ……………. ได้ตามที่เราต้องการ

เราสามารถเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ภายในได้ โดยมีตัวช่วยคือ Submodality Check List

clip_image025

     Submodality Check list นี้จะเป็นส่วนช่วยให้เราสามารถที่จะปรับเปลี่ยนประสบการณ์ภายในเราได้ ขอยกตัวอย่างในด้านอาหาร สมมติว่าเราชอบกินคอหมูย่างมาก แต่อยากเลิกกินเพราะมันมีโทษแก่ร่างกายมาก ในขณะที่เราไม่ชอบส้มตำปลาร้าเลย เพราะมันกลิ่นเหม็นมาก อย่างนี้เราก็ใช้ วิธีนี้เข้ามาช่วยได้ เช่นลองนึกถึงภาพของคอหมูย่างเป็นยังไง แล้วก็ทำเครื่องหมายไว้ในช่องต่างๆ ต่อมาก็ทำของส้มตำปลาร้า แล้วทำเครื่องหมายบ้าง หลังจากนั้นดูว่าอันไหนที่แตกต่างกัน เช่นส้มตำเห็นเป็นขาวดำ คอหมูย่างเป็นภาพสี ก็ทำให้คอหมูย่างเปลี่ยนเป็นขาวดำแทน เมื่อทำครบแล้วเราก็จะอยากกินมันน้อยลง ?? จริงหรือไม่ผู้อ่านต้องลองเอง แต่สำหรับผู้เขียนก็ทำให้ไม่อยากกินไปหลายวันเลย

No comments:

Post a Comment